
สังกะสี (Zinc) คือธาตุที่มีหมายเลขอะตอม 30 และสัญลักษณ์คือ Zn เป็นธาตุประเภทโลหะที่มีความไวต่อปฏิกิริยาเคมีพอสมควรกับออกซิเจนและธาตุที่ไม่ใช่โลหะ สังกะสีเมื่อทำปฏิกิริยากับกรดเจือจางจะปล่อยก๊าซไฮโดรเจนออก ธาตุชนิดนี้เป็นโลหะธาตุที่มีลักษณะที่เป็นสีเงิน มันวาว เป็นที่นิยมนำมาใช้ในภาคอุตสาหกรรมมากมาย เพื่อเป็นโลหะโครงสร้างหรือโลหะผสมกับโลหะอื่นสำหรับประยุกต์ใช้งานในด้านต่างๆ นอก
จากนั้น สังกะสียังเป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่งที่สามารถพบได้ในร่างกายมนุษย์ และสัตว์ เนื่องจากจัดเป็นแร่ที่ร่างกายต้องการชนิดหนึ่ง
ลักษณะของสังกะสี(Zn)
- นํ้าหนักอะตอม (กรัม/โมล) : 65.39
- โครงสร้างผลึก : hexagonal close-packed
- จุดเดือด (oC) : 907
- จุดหลอมเหลว (oC) : 419.5
- ความหนาแน่น ที่ 25 oC (กรัม/ลบ.ซม.) : 7.133
- ความร้อนจำเพาะ ที่ 25 oC (แคลอรี่/กรัม) : 0.0925
- ความร้อนแฝงของการหลอมเหลว (แคลอรี่/กรัม) : 24.4
- ความร้อนแฝงของการกลายเป็นไอ (แคลอรี่/กรัม) : 419.5
- การจัดระดับอิเล็กตรอน : [Ar] 4s2 3d10
- ออกซิเดชันเสตท : +2
- ค่าความต่างศักย์, Eo (volts) : -0.763
Zn2+ + 2e– → Zn
- รัศมีไอออน Zn2+ (nm) : 0.074
- รัศมีอะตอม Zn (nm) : 0.133
ประโยชน์ของสังกะสี

- · เคลือบโลหะ เพื่อป้องกันสนิมและการกัดกร่อน เช่นใน กระเบื้องสังกะสี หรือกระเบื้องสังกะสีลูกฟูก เรียกกันในวงการช่างโลหะว่า เหล็ก อาบสังกะสี หรือ เหล็กชุบสังกะสี
- · ส่วนประกอบในโลหะผสม เช่นใช้ในการทำของเล่น
- · ใช้เป็นภาชนะของถ่านอัลคาไลน์
- · สังกะสีเป็นสารอาหาร ที่พบได้มากในหอยนางรม และโปรตีน ถั่ว แอลมอนด์ เมล็ดฟักทอง และเมล็ดทานตะวัน[1]
- · ซิงค์ออกไซด์ (ZnO) มีลักษณะสีขาว ใช้เป็นส่วนผสมผลิตสีเคลือบ สีทา และใช้ในอุตสาหกรรมเซรามิกส์
- · ซิงค์คาร์บอเนต (ZnCO3) ใช้เป็นส่วนผสมในอุตสาหกรรมยา เช่น ยาทาแก้อาการคันตามผิวหนัง
- · ซิงค์ซัลเฟต (ZnSO3) ใช้ในอุตสาหกรรมสิ่งทอ
- · ซิงค์ซัลไฟต์ (ZnS) ใช้เป็นสีขาวในอุตสาหกรรมยาง ใช้เคลือบเป็นฉากเรืองแสงในหลอดฟลูออเรสเซ็นต์ของโทรทัศน์ และใช้เป็นส่วนผสม ของสีพรายน้ำ
- · ซิงค์ไฮดรอกไซด์ (Zn(OH2) ใช้ในอุตสาหกรรมยาง
- · ซิงค์คลอไรด์ (ZnCl2) ใช้เป็นสารป้องกันเชื้อราในอุตสาหกรรมกระดาษ และไม้อัด
- · ซิงค์ไพริดีนไธโอน (zinc pyridinethione) ใช้เป็นส่วนผสมในน้ำยาหรือแซมพูสระผมป้องกันรังแค
ความสำคัญต่อร่างกาย

- · ช่วยกระตุ้นการสร้าง และการซ่อมแซมหนังกำพร้า
- · ช่วยกระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจน
- · ช่วยในกระบวนการสร้างเอนไซม์ ระบบภูมิคุ้มกัน การสร้างสารพันธุกรรม และการซ่อมแซมบาดแผล
พิษจากสังกะสี

แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ
1. การได้รับสังกะสีจากภาวะมลพิษ
สังกะสีที่ปนเปื้อนสู่สิ่งแวดล้อมมักเกิดจากกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมที่บำบัดไม่หมดหรือการผลิตภัณฑ์ที่มีสังกะสีเป็นส่วนประกอบ มลพิษที่ปนเปื้อนสังกะสีมักอยู่ในรูปของฝุ่นหรือไอสารที่ลอยในอากาศ ซึ่งมีโอกาสสัมผัส และได้รับสารได้ง่าย โดยเฉพาะคนงานที่เกี่ยวข้องกับการผลิต อาการ : เมื่อได้รับฝุ่นหรือไอของสังกะสีในปริมาณมากจากการสูดดมจะเกิดอาการกระหายน้ำ ไอ หลอดลมอักเสบ ปอดบวม เหนื่อยล้าง่าย อ่อนแรง มีอาการปวดกล้ามเนื้อ คลื่นไส้ มีไข้ มีอาการหนาวสะท้าน และผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน ซึ่งมักเกิดภายใน 4-12 ชั่วโมง หลังการสัมผัส อาการเหล่านี้จะหายเป็นปกติภายใน 1-2 เรียกชื่อโรคนี้ว่า โรคไข้วันจันทร์ (Monday fever) หรือโรคไข้พิษโลหะ (metal fume fever)
2. การปนเปื้อนจากอาหาร และน้ำดื่ม
สารประกอบซิงค์ออกไซด์มักปะปนในแหล่งน้ำหรืออาหารได้ง่าย โดยเฉพาะพื้นที่ที่อยู่ใกล้แหล่งแร่สังกะสี เมื่อร่างกายได้รับสาร และสะสมเป็นเวลานานจะก่อให้เอนไซม์ของตับเกิดความผิดปกติ และพบอาการเลือดออกในระบบอาการ ตามประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่8(พ.ศ.2537) ได้กำหนดให้มีสังกะสีปนเปื้อนในแหล่งน้ำไม่เกิน 1 มิลลิกรัม/ลิตร
อาการ : เมื่อเกิดพิษในระบบทางเดินอาหารจากการกินสังกะสีเข้าไปจะเกิดกัดกร่อนบริเวณทางเดินอาหารส่วนต้น ได้แก่ หลอดอาหาร และกระเพาะอาหาร ทำให้มีอาการอักเสบ ปวดท้องอย่างรุนแรง และอาจทำให้ทางเดินอาหารตีบตันได้
สนใจสั่งซื้อสารเคมี อุปกรณ์ในห้องแลป ติดต่อได้ที่หน้าเว็บไซต์เลยนะคะ หรือแอดไลน์
Line:
ที่มา https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B5